ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หลิว เช่าฉี"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยเว็บอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยเว็บอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 49: | บรรทัด 49: | ||
'''หลิว เช่าฉี''' ({{zh-all|s=刘少奇|t=劉少奇|p=Liú Shàoqí}}) (24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2441{{Spaced en dash}} 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512) เป็นนักปฏิวัติและนักการเมืองชาวจีน เคยดำรงตำแหน่ง[[คณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ|ประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติ]]ระหว่างปี พ.ศ. 2497– 2502 รองประธานของพรรคคอมมิวนิสต์จีนระหว่างปี พ.ศ. 2499–2509 และ[[รายชื่อประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน|ประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน]]ระหว่างปี พ.ศ. 2502–2511 เขาถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก[[เหมา เจ๋อตง]] แต่สุดท้ายก็ถูกขับออกจากพรรคในช่วง[[การปฏิวัติทางวัฒนธรรม]] |
'''หลิว เช่าฉี''' ({{zh-all|s=刘少奇|t=劉少奇|p=Liú Shàoqí}}) (24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2441{{Spaced en dash}} 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512) เป็นนักปฏิวัติและนักการเมืองชาวจีน เคยดำรงตำแหน่ง[[คณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ|ประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติ]]ระหว่างปี พ.ศ. 2497– 2502 รองประธานของพรรคคอมมิวนิสต์จีนระหว่างปี พ.ศ. 2499–2509 และ[[รายชื่อประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน|ประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน]]ระหว่างปี พ.ศ. 2502–2511 เขาถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก[[เหมา เจ๋อตง]] แต่สุดท้ายก็ถูกขับออกจากพรรคในช่วง[[การปฏิวัติทางวัฒนธรรม]] |
||
ในช่วงวัยรุ่น หลิวมีส่วนร่วมในขบวนการแรงงาน รวมไปถึงการนัดหยุดงานประท้วงต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือ[[ขบวนการ 30 พฤษภาคม]] หลังจาก[[สงครามกลางเมืองจีน]]ปะทุขึ้นในปี พ.ศ. 2470 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ส่งหลิวไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน จากนั้นในปี พ.ศ. 2475 เขาก็เดินทางไปยัง[[โซเวียตเจียงซี]] เขาเข้าร่วม[[การเดินทัพทางไกล]]และได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคประจำภาคเหนือของจีนในปี พ.ศ. 2479 เพื่อนำการต่อต้านญี่ปุ่นในพื้นที่ดังกล่าว ในช่วง[[สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง]] หลิวได้รับมอบหมายให้ดูแล[[สำนักงานพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำที่ราบภาคกลาง]] (Central Plains Bureau) ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 หลังจาก[[เหตุการณ์กองทัพใหม่ที่สี่]] เขาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนทางการเมืองของกองทัพ เมื่อหลิวเดินทางกลับ[[เหยียนอัน]]ในปี พ.ศ. 2486 เขาก็ได้รับตำแหน่งเลขาธิการ[[สำนักเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน]] และรองประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง |
|||
หลิวดำรงตำแหน่งผู้นำจีนเป็นเวลา 15 ปี ซึ่งมีอำนาจรองจากประธาน[[เหมา เจ๋อตง]] และนายกรัฐมนตรี[[โจว เอินไหล]] แม้ว่าเดิมทีจะถูกพิจารณาว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเหมา แต่ตั้งแต่ปี 2509 เป็นต้นมา หลิวก็ถูกเหมาวิจารณ์และถูกเหมากำจัด หลิวถูกจับและคุมขัง <ref name="WP">{{Cite news|last=Mathews|first=Jay|date=4 March 1980|title=5 Children of Liu Shaoqi Detail Years in Disfavor|work=Washington Post|url=https://www.washingtonpost.com/archive/politics/1980/03/04/5-children-of-liu-shaoqi-detail-years-in-disfavor/024ff499-48af-4c41-b47c-fd7e0031bf75/|access-date=25 September 2022}}</ref> ในปี 2510 เขาถูกตราหน้าว่าเป็น"ผู้นำทุนนิยมของจีน" และ"ผู้ทรยศต่อการปฏิวัติ" เขาเสียชีวิตในคุกในปี 2512 เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนจาก[[เบาหวาน|โรคเบาหวาน]] หลิวถูกประณามอย่างกว้างขวางในช่วงหลายปีหลังจากการเสียชีวิตของเขา จนกระทั่งเขาได้รับการฟื้นฟูเกียรติภูมิโดยรัฐบาลของ[[เติ้ง เสี่ยวผิง]] ในปี 2523 และรัฐบาลของเติ้งยังได้อนุญาตให้จัดพิธีรำลึกถึงหลิวอีกด้วย |
|||
หลังการ[[พิธีสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน|ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน]]ในปี พ.ศ. 2492 หลิวได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธาน[[รัฐบาลประชาชนกลางสาธารณรัฐประชาชนจีน (ค.ศ. 1949–1954)|รัฐบาลประชาชนกลาง]] ต่อมาหลังจากมีการจัดตั้ง[[สภาประชาชนแห่งชาติ]]ขึ้นในปี พ.ศ. 2497 หลิวก็ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาฯ และในปี พ.ศ. 2502 เขาก็ได้ดำรงตำแหน่ง[[ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน]]สืบต่อจากเหมา เจ๋อตง ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หลิวได้ริเริ่มนโยบาย[[การฟื้นฟูเศรษฐกิจ|ฟื้นฟูเศรษฐกิจ]]จีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก[[การชุมนุมเจ็ดพันคน|การประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง 7,000 คน]]ในปี พ.ศ. 2505 เขาได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นทายาททางการเมืองของเหมา เจ๋อตงในปี พ.ศ. 2504 แต่ทว่าโชคชะตาของหลิวก็พลิกผันหลังจากการปฏิวัติทางวัฒนธรรมเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2509 เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกเหมาขับออกจากพรรคในปี พ.ศ. 2510 เขาถูกจับกุมและคุมขัง ตลอดช่วงเวลานั้นเขาถูกใส่ร้ายว่าเป็น "หัวหน้ากองบัญชาการชนชั้นนายทุนจีน" และเป็น "[[พวกเดินเส้นทางทุนนิยม]]" คนสำคัญของจีน รวมถึงเป็นผู้ทรยศต่อการปฏิวัติ หลิวเสียชีวิตในคุกในปี พ.ศ. 2512 ด้วยภาวะแทรกซ้อนจาก[[เบาหวาน|โรคเบาหวาน]] หลังการเสียชีวิต หลิวถูกประณามอย่างหนักหน่วงเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งได้รับการ[[การฟื้นฟูทางการเมือง|ฟื้นฟูเกียรติยศ]]โดยรัฐบาลของ[[เติ้ง เสี่ยวผิง]]ในปี พ.ศ. 2523 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "[[ปัวล่วนฝ่านเจิ้ง|''แก้ไขความผิดพลาด ปรับปรุงสิ่งที่ถูกต้อง'']]" รัฐบาลของเติ้งยังได้จัดรัฐพิธีศพให้กับเขาด้วย |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:59, 18 กรกฎาคม 2567
หลิว เช่าฉี | |
---|---|
刘少奇 | |
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน คนที่ 2 | |
ดำรงตำแหน่ง 27 เมษายน พ.ศ. 2502 – 31 ตุลาคม พ.ศ. 2511 (9 ปี 187 วัน) | |
หัวหน้ารัฐบาล | โจว เอินไหล |
รองประธานาธิบดี | ต่ง ปี้อู่ และซ่ง ชิ่งหลิง |
ผู้นำ | เหมา เจ๋อตง (ประธานพรรค) |
ก่อนหน้า | เหมา เจ๋อตง |
ถัดไป | ต่ง ปี้อู่ และซ่ง ชิ่งหลิง |
ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติ คนที่ 1 | |
ดำรงตำแหน่ง 15 กันยายน พ.ศ. 2497 – 28 เมษายน พ.ศ. 2502 (4 ปี 225 วัน) | |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | จู เต๋อ |
รองประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน คนที่ 1 | |
ดำรงตำแหน่ง 28 กันยายน พ.ศ. 2499 – 1 สิงหาคม พ.ศ. 2509 (2 ปี 212 วัน) | |
ประธาน | เหมา เจ๋อตง |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | หลิน เปียว |
สมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ | |
ดำรงตำแหน่ง 15 กันยายน พ.ศ. 2497 – 21 ตุลาคม พ.ศ. 2511 (14 ปี 36 วัน) | |
เขตเลือกตั้ง | ปักกิ่ง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2441 หนิงเซียง มณฑลหูหนาน จักรวรรดิชิง |
เสียชีวิต | 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 (70 ปี) ไคเฟิง มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน |
เชื้อชาติ | จีน |
พรรคการเมือง | พรรคคอมมิวนิสต์จีน (2464–2511) |
คู่สมรส | วัง กวงเหม่ย (2491–2512) |
บุตร | 9 คน |
หลิว เช่าฉี | |||||||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 刘少奇 | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อักษรจีนตัวเต็ม | 劉少奇 | ||||||||||||
|
หลิว เช่าฉี (จีนตัวย่อ: 刘少奇; จีนตัวเต็ม: 劉少奇; พินอิน: Liú Shàoqí) (24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2441 – 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512) เป็นนักปฏิวัติและนักการเมืองชาวจีน เคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติระหว่างปี พ.ศ. 2497– 2502 รองประธานของพรรคคอมมิวนิสต์จีนระหว่างปี พ.ศ. 2499–2509 และประธานสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างปี พ.ศ. 2502–2511 เขาถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเหมา เจ๋อตง แต่สุดท้ายก็ถูกขับออกจากพรรคในช่วงการปฏิวัติทางวัฒนธรรม
ในช่วงวัยรุ่น หลิวมีส่วนร่วมในขบวนการแรงงาน รวมไปถึงการนัดหยุดงานประท้วงต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือขบวนการ 30 พฤษภาคม หลังจากสงครามกลางเมืองจีนปะทุขึ้นในปี พ.ศ. 2470 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ส่งหลิวไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน จากนั้นในปี พ.ศ. 2475 เขาก็เดินทางไปยังโซเวียตเจียงซี เขาเข้าร่วมการเดินทัพทางไกลและได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคประจำภาคเหนือของจีนในปี พ.ศ. 2479 เพื่อนำการต่อต้านญี่ปุ่นในพื้นที่ดังกล่าว ในช่วงสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง หลิวได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักงานพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำที่ราบภาคกลาง (Central Plains Bureau) ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 หลังจากเหตุการณ์กองทัพใหม่ที่สี่ เขาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนทางการเมืองของกองทัพ เมื่อหลิวเดินทางกลับเหยียนอันในปี พ.ศ. 2486 เขาก็ได้รับตำแหน่งเลขาธิการสำนักเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรองประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง
หลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี พ.ศ. 2492 หลิวได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานรัฐบาลประชาชนกลาง ต่อมาหลังจากมีการจัดตั้งสภาประชาชนแห่งชาติขึ้นในปี พ.ศ. 2497 หลิวก็ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาฯ และในปี พ.ศ. 2502 เขาก็ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนสืบต่อจากเหมา เจ๋อตง ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หลิวได้ริเริ่มนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง 7,000 คนในปี พ.ศ. 2505 เขาได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นทายาททางการเมืองของเหมา เจ๋อตงในปี พ.ศ. 2504 แต่ทว่าโชคชะตาของหลิวก็พลิกผันหลังจากการปฏิวัติทางวัฒนธรรมเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2509 เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกเหมาขับออกจากพรรคในปี พ.ศ. 2510 เขาถูกจับกุมและคุมขัง ตลอดช่วงเวลานั้นเขาถูกใส่ร้ายว่าเป็น "หัวหน้ากองบัญชาการชนชั้นนายทุนจีน" และเป็น "พวกเดินเส้นทางทุนนิยม" คนสำคัญของจีน รวมถึงเป็นผู้ทรยศต่อการปฏิวัติ หลิวเสียชีวิตในคุกในปี พ.ศ. 2512 ด้วยภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน หลังการเสียชีวิต หลิวถูกประณามอย่างหนักหน่วงเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งได้รับการฟื้นฟูเกียรติยศโดยรัฐบาลของเติ้ง เสี่ยวผิงในปี พ.ศ. 2523 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "แก้ไขความผิดพลาด ปรับปรุงสิ่งที่ถูกต้อง" รัฐบาลของเติ้งยังได้จัดรัฐพิธีศพให้กับเขาด้วย